“ความร้ายกาจของ ออกซิเจน” อะตอมของธาตุ ประกอบด้วยนิวเคลียสอยู่ตรงกลาง และมีประจุลบ (อิเล็กตรอน) หมุนรอบๆ (ดูรูปประกอบบทความ) อะตอมส่วนใหญ่ จะเสถียรเมื่อมีประจุลบวงนอกสุด 4 คู่ เปรียบเสมือนรถยนต์ที่ต้องมีสี่ล้อ ม้าต้องมีสี่ขา ปกติธาตุต่างๆในร่างกายก็อยู่ในสภาพเสถียรอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกออกซิเจนซึ่งตัวเองมีประจุแค่สามคู่ (ไม่ครบสี่) เข้ามาแย่งชิงประจุไป ทำให้ธาตุในร่างกายไม่เสถียร ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเข้าไปแย่งชิงประจุจากดีเอ็นเอ จะทำให้กลายไปเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งจะแบ่งตัวออก เป็นก้อนเนื้อร้ายอย่างรวดเร็ว ออกซิเจนเป็นธาตุนักเลง มีความกระหายประจุลบสูงมาก เพราะต้องการให้ครบสี่ ถ้ามันไปดึงจากอาหารที่เราทานเข้าไป อาหารก็จะแตกตัว เรียกว่ากระบวนการย่อย (ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป) กลไกนี้คล้ายกับการเกิดสนิมในเหล็ก เหล็กโดยปกติมันก็เสถียรในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกอากาศ ออกซิเจนจะเข้ามาดึงประจุลบของเหล็กออกมา แล้วสร้างเป็นสารประกอบที่มีออกซิเจนเป็นแกนเรียกว่า “สนิม” จะต่างกันก็แต่กระบวนการนี้ถ้าเกิดในร่างกายเราไม่เรียกสนิม แต่เรียกว่า “สารอนุมูลอิสระ” ดังนั้นการทานอาหารมากเกินไปจะแก่เร็ว เพราะต้องใช้ออกซิเจนจำนวนมากมาสลายอาหารนั้น และทำให้เกิดอนุมูลอิสระ (สนิม) ขึ้นมากมายภายในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาล เพราะการย่อยสลายน้ำตาลต้องใช้ออกซิเจนจำนวนมากกว่าอาหารชนิดอื่น ผู้ที่ทานน้ำอัดลม เบียร์ น้ำหวาน เป็นประจำ จะมีใบหน้าที่ไม่สดใส และยังอ้วนฉุอีกด้วย น้ำตาลคือตัวเร่งกระบวนการชรา ตัวมันเองสามารถจับกับคอลลาเจนหรืออิลาสติน จะทำให้แข็งตัว ไม่ยืดหยุ่น เสื่อมสภาพ ผิวหนังใบหน้าเหี่ยวย้อย » แล้วเราจะสู้กับสารอนุมูลอิสระที่สร้างโดยออกซิเจนได้อย่างไร ในเหล็กเราจะใช้โลหะชนิดอื่นที่มีคุณสมบัติในการให้ประจุลบมาเชื่อมประกบ เพื่อชดเชยประจุลบที่ถูกออกซิเจนดึงออกไป เหล็กก็จะไม่เสื่อมสลาย ในร่างกายก็เช่นเดียวกัน แต่เราทานโลหะเป็นก้อนไม่ได้ ต้องทานสารที่สามารถให้ประจุลบเข้าไปแทน เรียกว่า “สารต้านอนุมูลอิสระ” เนื่องจากสารอนุมูลอิสระไม่เสถียร เพราะมีประจุไม่ครบ ทำให้มันต้องแสวงหาประจุมาใส่เข้าไปในตัวมัน โดยไปดึงมาจากเซลล์ปกติของร่างกาย เปรียบเสมือน รถยนต์ที่มีเพียงสามล้อย่อมไม่เสถียร ต้องหาล้อที่สี่มาเพิ่ม แต่สารอนุมูลอิสระ มีพฤติกรรมเหมือนกับนักเลง คือมันสามารถไปแย่งชิงล้อจากรถคันอื่นๆ เพื่อมาใส่ให้กับตัวมัน ทำให้รถคันอื่นหรือเซลล์ปกติเกิดความเสียหาย ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถลดผลกระทบจากการแย่งชิงประจุได้ ด้วยการรับประทานตัวให้ประจุเข้าไป เพื่อให้สารอนุมูลอิสระมารับประจุจากสารที่เราทานเข้าไป แทนที่จะไปแย่งชิงจากเซลล์ปกติภายในร่างกาย สารที่ให้ประจุเหล่านี้ เราเรียกว่า “สารต้านอนุมูลอิสระ” ตัวที่สำคัญได้แก่ กลูตาไธโอน โคเอนไซม์ คิวเทน วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งเปรียบเสมือนรถที่มียางอะไหล่ เมื่อเข้าไปในร่างกาย มันจะให้ยางอะไหล่แก่สารอนุมูลอิสระ การทานวิตามินอีช่วยป้องกันผิวได้มากกว่าคนที่ไม่ทานถึงสองเท่า หลายคนอาจสงสัยว่า การออกกำลังกายทำให้แก่เร็วขึ้นหรือไม่ เพราะต้องหายใจเร็วขึ้น ใช้ออกซิเจนมากขึ้น คำตอบคือ หลังออกกำลังกายจะเกิดการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระขึ้นมาจำนวนมาก ถ้าไม่ทานอาหารเพิ่ม จำนวนออกซิเจนที่ใช้ก็ไม่ได้มากกว่าปกติแต่อย่างใด เพียงแต่การย่อยอาหารเร็วขึ้นเท่านั้น แต่การได้สารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น กลับทำให้แก่ช้าลง ดังนั้น การออกกำลังกายจึงไม่มีผลทำให้แก่เร็ว ยกเว้นว่าหลังออกกำลังกายไปทานอาหารมากกว่าเดิม นอกจากนั้น การออกกำลังกาย ยังทำให้คอลลาเจนหรืออิลาสติน ยืดหยุ่น กระชับใบหน้าและร่างกาย ทำให้ดูอ่อนวัยขึ้น คติประจำวันนี้ » ....กินหวานไป แก่ไว ตายเร็ว.... ทันตแพทย์สม สุจีรา